นางสาวอุไรรัตน์ สร้อยมี

การต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง

นางสาวอุไรรัตน์ (บัว) ต้องทำหน้าที่ในการเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัว 6 ชีวิตรวมทั้งสามีพิการ เมื่อเพื่อนบ้านมาเสนอให้ไปทำงานที่ร้านอาหาร ในประเทศญี่ปุ่น โดยบอกว่าจะได้เงินเดือน 40,000 บาท แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณีกับแก๊งยากูซ่าที่มีหญิงไทยเป็น มาม่าซัง หากไม่ทำจะถูกทำร้ายถึงชีวิต นางสาวอุไรรัตน์ ทนทำงานเพื่อชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อขึ้น ร่วมสองล้านบาทอยู่ 5 เดือน ประกอบกับแก๊งยากูซ่าเห็นว่าทำงานใช้หนี้ใกล้ครบแล้ว จึงคิดขายนางสาวอุไรรัตน์ให้กับแก๊งอื่นอีก เธอจึงหลบหนีโดยขอความช่วยเหลือจากชายไทยที่ทำงานที่ญี่ปุ่น ระหว่างหลบหนี เกิดการต่อสู้กับมาม่าซังและยากูซ่า ทำให้มาม่าซังเสียชีวิต จึงถูกดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่น 7 ปี ระหว่างอยู่ในเรือนจำเอป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ระยะสุดท้าย ศาลจึงอนุญาตให้กลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยก่อนกำหนด หลังจากที่ถูกจำคุกมา 5 ปีเศษ เธอได้พยายามต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิในฐานะผู้เสียหาย โดยได้รับความช่วยเหลือจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และองค์กรเอกชน (NGOs) จนกระทั่งสามารถนำผู้กระทำผิดซึ่งเป็นนายหน้าของกระบวนการค้ามนุษย์ 3 คนมาลงโทษทางอาญาได้สำเร็จ และเธอได้ยื่นฟ้อง คดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย จากกระบวนการค้ามนุษย์ต่อศาลยุติธรรม

สาเหตุที่ นางสาวอุไรรัตน์ เปิดเผยตนเองต่อสื่อมวลชน สาธารณชน ให้สังคมได้เรียนรู้จากบทเรียน ประสบการณ์ของเธอ เพื่อเตือนสติทุกคนในสังคม ให้ระมัดระวังกระบวนการค้ามนุษย์ที่หลอกลวงเด็กและผู้หญิงไปทำงานในต่างประเทศ อีกทั้งเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาและหาทางป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง และเธอยินดีที่จะเป็นตัวแทนในการเผยแพร่ข่าวสาร ให้ระมัดระวังการหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ