พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2550
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 19 กันยายน 2550 มีผลบังคับใช้วันที่ 20 กันยายน 2550

 

  • มาตรา 276 (เดิม) ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
    ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต

  • สาระสำคัญของกฎหมายเดิม
    ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามมาตรานี้
    1. ผู้ถูกกระทำจะต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น
    2. ผู้ถูกกระทำจะต้องมิใช่ภรรยาขอผู้กระทำ
    3. ผู้กระทำได้ขู่เข็ญโดยหญิงนั้นไม่ยินยอม ใช้กำลังประทุษร้ายโดยหญิงนั้นไม่สามารถขัดขืนได้ หรือทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลอื่น
    4. การกระทำจะสำเร็จเมื่อของฝ่ายชาย ล่วงล้ำเข้าไปในช่องสังวาสของฝ่ายหญิง
    5. ผู้กระทำข่มขืนกระทำชำเราภริยาของตนเอง ไม่มีความผิดตามมาตรานี้

  • ประเด็นและสาระสำคัญของการแก้ไข
    เดิม หญิงซึ่งมิใช้ภริยา แก้ไขเป็น ผู้อื่น (ใครข่มขืนใครก็มีความผิด)
    เพิ่มนิยามของคำว่า “ข่มขืนกระทำชำเรา” ในวรรคสอง โดยได้ขยายคำจำกัดความให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นและเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการตีความ
    เพิ่มวรรคสี่ เพื่อเป็นการสร้างความสมานฉันท์ในครอบครัว

  • วัตถุประสงค์ของการแก้ไข
    เพื่อให้การคุ้มครองสิทธิของผู้หญิงซึ่งเป็นภริยา นอกจากนั้นยังได้ขยายความคุ้มครองไปถึงผู้ชาย และเด็ก (ทั้งเด็กหญิงและชาย) ด้วย
    โดยตั้งอยู่บนหลักการว่า “ใครก็ไม่สามารถข่มขืนกระทำชำเราใครได้”

  • มาตรา 276 (ใหม่) ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
    การกระทำชำเราตามวรรคหนึ่ง หมายความว่าการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ โดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น
    ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง หรือกระทำกับชายในลักษณะเดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
    ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำความผิดระหว่างคู่สมรสและ คู่สมรสนั้นยังประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติแทนการลงโทษก็ได้ ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาต่อไป และประสงค์จะหย่า ให้คู่สมรสฝ่ายนั้นแจ้งให้ศาลทราบ และให้ศาลแจ้งพนักงานอัยการให้ดำเนินการ
    ฟ้องหย่าให้

  • มาตรา 277 (เดิม) ผู้ใดกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
    ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำแก่เด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับ ตั้งแต่หนึ่งหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาทหรือจำคุกตลอดชีวิต
    ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสองได้กระทำโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงและเด็กหญิงนั้นไม่ยินยอม หรือได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือโดยใช้อาวุธ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต
    ความผิดตามที่บัญญัติไว้ในวรรคแรก ถ้าเป็นการกระทำที่ชายกระทำกับเด็กหญิงอายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กหญิงนั้นยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให้ชายและเด็กหญิงนั้นสมรสกัน ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ ถ้าศาลอนุญาตให้สมรสในระหว่างที่ผู้กระทำผิดกำลังรับโทษในความผิดนั้นอยู่ ให้ศาลปล่อยผู้กระทำความผิดนั้นไป

  • สาระสำคัญของกฎหมายเดิม
    ความผิดฐานกระทำชำเราตามมาตรานี้
    1. กระทำกับเด็กหญิงอายุไม่เกิน 16 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน
    2. กระทำกับเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ต้องรับโทษเพิ่มขึ้น (เหตุเพิ่มโทษ)
    3. ร่วมกันกระทำในลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงและเด็กหญิงไม่ยินยอม หรือกระทำโดยมีอาวุธ หรือวัตถุระเบิด ต้องรับโทษเพิ่มขึ้น (เหตุเพิ่มโทษ)
    4. กรณีชายกระทำกับเด็กหญิงอายุกว่า 13 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กหญิงนั้นยินยอม หากภายหลังศาลอนุญาตให้สมรสกัน ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ
    5. การกระทำชำเราเด็กซึ่งเป็นภริยาของตนเอง ผู้กระทำไม่มีความผิด

  • ประเด็นและสาระสำคัญของการแก้ไข
    เดิม เด็กหญิง แก้ไขเป็น เด็ก (รวมทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย)
    วรรคท้ายเดิม ชาย (ทุกคน) แก้ไขเป็น บุคคลอายุไม่เกิน 18 ปี

  • วัตถุประสงค์ของการแก้ไข
    เพื่อให้การคุ้มครองสิทธิของเด็กทุกคน (เด็กหญิงและเด็กชาย)
    วรรคท้าย เพื่อป้องกันผู้ชาย (อายุเท่าไรก็ได้) ที่จะหลีกเลี่ยงการรับโทษ โดยขอต่อศาลเพื่อทำการสมรสกับเด็ก กฎหมายจึงได้คำนึงถึงเรื่องอายุ โดยกำหนดให้บุคคลอายุไม่เกิน 18 ปี เท่านั้นที่จะได้รับการยกเว้นโทษ

  • มาตรา 277 (ใหม่) ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
    การกระทำชำเราตามวรรคหนึ่ง หมายความว่าการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ โดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำดับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น
    ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
    ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสามได้กระทำโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงหรือกระทำกับเด็กชายในลักษณะเดียวกันและเด็กนั้นไม่ยินยอม หรือได้กระทำโดยมีอาวุธปีนหรือวัตถุระเบิดหรือโดยใช้อาวุธ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต
    ความผิดตามที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นการกระทำโดยบุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปีกระทำต่อเด็กซึ่งมีอายุกว่าสิบสามปี แต่ยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให้ทั้งสองฝ่ายสมรสกัน ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ ถ้าศาลอนุญาตให้สมรสในระหว่างที่ผู้กระทำผิดกำลังรับโทษในความผิดนั้นอยู่ ให้ศาลปล่อยผู้กระทำความผิดนั้นไป

  • มาตรา 286 (เดิม) ผู้ใดอายุกว่าสิบหกปีดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี ต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาทหรือจำคุกตลอดชีวิต
    ผู้ใดไม่มปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำหรับการดำรงชีพและ
    (1) ปรากฏว่าอยู่ร่วมกับหญิงซึ่งค้าประเวณี หรือสมาคมกับหญิงซึ่งค้าประเวณีคนเดียวหรือหลายคนเป็นอาจิณ
    (2) กิยอยู่หลับนอน หรือรับเงิน หหรือประโยชน์อย่างอื่นโดยหญิงซึ่งค้าประเวณีเป็นผู้จัดให้ หรือ
    (3) เข้าแทรกแซงเพื่อช่วยหญิงซึ่งค้าประเวณีในการทะเลาะวิวาทกับผู้ที่คบค้ากับหญิงซึ่งค้าประเวณีนั้น ให้ถือว่าผู้นั้นดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงในการค้าประเวณีเว้นแต่จะพิสูจน์ให้เป็นที่พอใจได้ว่ามิได้เป็นเช่นนั้น
    บทบัญญัติแห่งมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่ผู้รับค่าเลี้ยงดูจากหญิงซึ่งค้าประเวณี ซึ่งพึงให้
    ค่าเลี้ยงดูนั้นตามกฎหมายหรือตามธรรมจรรยา

  • สาระสำคัญของกฎหมายเดิม
    ความผิดตามมาตรานี้
    1. ผู้กระทำต้องมีอายุมากกว่า 16 ปี (หญิงหรือชายก็ได้)
    2. ต้องดำรงชีพจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี
    3. ผู้หญิงซึ่งค้าประเวณีได้ให้ค่าเลี้ยงดูตามกฎหมายหรือธรรมจรรยา เช่น บุตร บิดา มารดา ไม่มีความผิดตามมาตรานี้

  • ประเด็นและสาระสำคัญของการแก้ไข
    เดิม หญิงซึ่งค้าประเวณี แก้ไขเป็น ผู้ซึ่งค้าประเวณี (จะรวมทั้งหญิง ชายและเด็ก)

  • วัตถุประสงค์ของการแก้ไข
    เนื่องจากในปัจจุบันมีการค้าประเวณีในรูแบบต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ผู้ค้าประเวณีจะมีทั้งหญิงและชาย รวมทั้งเด็ก และเพื่อให้การคุ้มครองแก่ผู้หญิงไม่ให้ถูกแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี นอกจากนั้นยังได้ขยายการคุ้มครองไปถึงผู้ชายรวมทั้งเด็ก (หญิงและชาย) ด้วย
    เป็นบทบัญญัติที่ถือว่าเป็นเรื่องของการเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งเพศ หากจะให้หญิงและชายมีสิทธิเท่าเทียมกัน ควรจะต้องให้การคุ้มครองทั้งหญิงและชาย

  • มาตรา 286 (ใหม่) ผู้ใดอายุกกว่าสิบหกปีดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาทหรือจำคุกตลอดชีวิต
    ผู้ใดไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำสหรับดำรงชีพ และมีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้ ให้ถือว่าผู้นั้นดำรงชีพอยู่จากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี เว้นแต่จะพิสูจน์ให้เป็นที่พอใจได้ว่ามิได้เป็นเช่นนั้น
    (1) อยู่ร่วมกับผู้ซึ่งค้าประเวณี หรือสมาคมกับผู้ซึ่งค้าประเวณีคนเดียวหรือหลายคนแป็นอาจิณ
    (2) กินอยู่หลับนอน หรือรับเงิน หรือประโยชน์อย่างอื่น โดยผู้ซึ่งค้าประเวณีเป็นผู้จัดให้
    (3) เข้าแทรกแซงเพื่อช่วยผู้ซึ่งค้าประเวณีในการทะเลาะวิวาทกับผู้ที่คบค้ากับผู้ซึ่งค้าประเวณีนั้น
    บทบัญญัติแห่งมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่ผู้รับค่าเลี้ยงดูจากผู้ซึ่งค้าประเวณี ซึ่งพึงให้ค่าเลี้ยงดูนั้นตามกฎหมายหรือตามธรรมจรรยา
 
รายละเอียดเพิ่มเติม